วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

12 ดูแลสุขภาพจิตของตนเอง

12 ดูแลสุขภาพจิตของตนเอง

สุขภาพกายและสุขภาพใจเป็นของคู่กัน แม้ว่าเราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดี แต่หากสุขภาพจิตใจย่ำแย่ ไม่ผ่องใส ก็จะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ การจะมีสุขภาพที่ดีโดยสมบูรณ์นั้น จึงจำเป็นต้องรู้จักวิธีดูแลสุขภาพจิตใจควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกายด้วย เราลองมาดูวิธีดูแลสุขภาพจิตกันดีกว่า

1. ฟังเพลง

ท่วงทำนองของเพลงจะช่วยให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย ลดการหลั่งของฮอร์โมนคอติซอล (cortisol) ซึ่งมีผลโดยตรงกับความเครียด แถมยังช่วยให้คุณมีความจำที่ดีขึ้นด้วย ไม่ว่าคุณจะชอบเพลงของโมสาร์ท หรือเพลงของเลดี้ กาก้า เพียงแค่คุณรู้สึกผ่อนคลายสบายใจเมื่อได้ฟังก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนคุณแม่ที่กำลังอุ้มท้องน้องน้อยอยู่นั้น บทเพลงบรรเลงขับกล่อมหรือเสียงดนตรีจากธรรมชาติ อย่างเสียงสายฝนพรำหรือน้ำไหลเอื่อย ๆ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย และดีต่อพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยในท้องด้วย

 2. สถานที่ปลอดโปร่งเย็นสบาย

ห้องโปร่ง ๆ ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว นั่งเอนหลังสบาย ๆ ในอาร์มแชร์นุ่ม ๆ จิบชาคาโมมายล์หรือชาเขียวอุ่น ๆ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่คุณชื่นชอบ เท่านี้กำจัดความเครียดไปได้เยอะทีเดียว

3. เติมท้องด้วยแซนด์วิชพีนัทบัตเตอร์

หากกำลังมองหาของว่างมาเติมกระเพาะให้คลายหิวและช่วยลดความเครียดด้วย ลองของว่างง่าย ๆ อย่างแซนด์วิชพีนัทบัตเตอร์ เพราะโปรตีนในพีนัทบัตเตอร์หรือเนยถั่วจะช่วยระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิ น (serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมเรื่องความหิว อารมณ์ และความโกรธ อย่าลืมเลือกเนยถั่วแบบที่ไม่ผสมแยมผลไม้ซึ่งเต็มไปด้วยความหวานจากน้ำตาล และเลือกทานคู่กับขนมปังโฮลวีท ที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังทำให้อิ่มท้องนานด้วยค่ะ

 4. ใช้เวลากับเพื่อนรู้ใจ

มีผลการสำรวจจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐฯ พบว่าคนที่มีความสุขนั้นล้วนเป็นผู้คนที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับคนในครอบ ครัวและเพื่อนฝูงเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่คนเรานั้นมักมองข้ามการให้ความสำคัญในการพบปะเพื่อนฝูงอย่างสม่ำ เสมอ ด้วยข้ออ้างว่างานยุ่งหรือไม่มีเวลาว่าง ทั้งที่การได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนที่รู้ใจเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดที่ ดีทางหนึ่ง ฉะนั้นจึงควรให้ความสำคัญในการพบปะเพื่อนฝูงที่สนิทสนมอย่างน้อยอาทิตย์ละ ครั้ง อาจจะโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปทักทายกันบ้างก็ได้ค่ะ

5. ใส่ใจธรรมชาติรอบตัว

การได้อยู่ใกล้กับธรรมชาติจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความยุ่งเหยิงต่าง ๆ ในชีวิตได้ ในวันที่อากาศแจ่มใสลองนั่งทานอาหารเช้าที่ระเบียงห้องหรือชานบ้าน ชมสวนสวย ๆ ฟังเสียงนกร้อง หรือเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ที่กำลังจะผลิใบจากตุ่มเล็ก ๆ เป็นใบไม้สีเขียว ๆ เท่านี้ก็ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจได้แล้วล่ะ

6. จดบันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

การจดบันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จะทำให้คุณเป็นคนช่างสังเกต ลองสังเกตถึงความสุขหรือเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม เพราะโดยปกติแล้วคนเรามักจดจำเรื่องเลวร้ายได้ชัดเจนกว่าเรื่องที่ดีเสมอ นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์เลวร้ายมักมีผลกระทบต่อจิตใจได้ง่ายกว่า ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้สังเกตความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน ทั้งเรื่องน่ารัก ๆ ที่สร้างรอยยิ้มที่มุมปากของคุณได้ บันทึกสิ่งดี ๆ เหล่านี้ลงไปในสมุดก่อนคุณจะเข้านอนทุกวัน คุณจะรู้สึกดีทั้งยามที่สังเกตเห็นความสุขเล็ก ๆ นั้น รู้สึกดีอีกครั้งเมื่อยามจดบันทึกลงสมุด และรู้สึกดีมากขึ้นไปอีกเมื่อได้กลับมาอ่านค่ะ

7. หลีกหนีความจำเจในชีวิตประจำวัน

หลาย ๆ คนรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขและสนุกสนานเมื่อได้ทำสิ่งที่แตกต่างออกไปจาก ตารางชีวิตแบบเดิม ๆ เช่น การออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศยามพักเที่ยง แทนที่จะนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะทำงาน, ได้ทำกิจกรรมสนุก ๆ อย่างปั่นจักรยาน ปีนเขา หรือเปลี่ยนจากการนั่งหน้าจอทีวีในทุก ๆ ค่ำ เป็นการอ่านหนังสือ เขียนไดอะรี่ หรือฝึกวาดรูปสีน้ำ เพียงเติมกิจกรรมเล็ก ๆ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบตารางชีวิตของคุณให้ต่างออกไปจากเดิม คุณก็จะได้รู้ว่าความสุขง่าย ๆ เกิดได้แค่เอื้อมเท่านั้น

8.อย่าหัดเป็นคนช่างคิด


การเป็นคนฉลาดและรู้จักคิดตรึกตรองในสิ่งต่างๆเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคิดมากเกินไป ไม่ว่าอะไรก็เก็บมาคิดหมกมุ่นไปหมดย่อมเกิดผลเสีย อันจะนำไปสู่ความเครียดเปล่าๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากเกิดความทุกข์ และสุขภาพจิตเสียแก่เร็ว แต่ไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่คิดเสียทีเดียว

9.ไม่ตั้งความหวังไว้สูงๆ

เวลาทำอะไรหากตั้งความหวังไว้สูงเกินไป เช่น ทำอะไรต้องดี ทำอะไรต้องสำเร็จ ทำอะไรต้องได้ดั่งใจเสมอ เช่นนี้ไม่ดีต่อตนเอง เพราะทำให้สุขภาพจิตเสื่อมเปล่าๆ ควรตั้งความหวังไว้แต่ไม่ใช่จริงจังนัก หวังโดยมีสติดูสภาพความเป็นไปได้ เช่น ตั้งใจมีเงินพอใช้สบายๆ อยู่อย่างพอเพียง ตั้งใจเรียนให้จบปริญญาถ้าทำได้ ไม่ใช่ตั้งใจเป็นนางสาวไทย เป็นพระเอกหนังทั้งๆที่หน้าตาอย่างกับปิศาจ อย่างนี้เรียกว่าตั้งความหวังโดยขาดสติ หากไม่ตั้งความหวังเลยชีวิตก็จะล่องลอยไร้เป้าหมาย นั่นก็รังแต่จะทำให้ทุกข์ใจอีก แต่จะทุกข์ตอนอายุมากเพราะเริ่มลำบากยากจน ดังนั้น ทุกคนควรจะมีความหวังในการดำรงชีวิต แต่อย่าหวังอะไรจนเกินพอดี เพราะจะทำให้ทุกข์ใจได้

10.มองโลกในแง่ดีเสมอ 

ในชีวิตคนเรา เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องประสบพบเจอกับสิ่งร้ายๆหรือมีความผิดหวังเข้ามาในชีวิตบ้าง เช่น ถูกเอาเปรียบ รังแก กลั่นแกล้ง ก็ให้คิดเสียว่าเป็นธรรมดาของสัตว์โลก ช่างมันเถอะ เราไม่ทุกข์ใจก็พอ เพราะถ้าเราทุกข์ใจเรื่องยิ่งบานปลาย ถูกรังแกยิ่งทุกข์ใจเข้าไปอีก หัดมองในสิ่งดีของคนอื่นมากๆจะทำให้ชีวิตสดใส เงินไม่พอใช้ก็ลองมองว่า ดีเหมือนกันที่เราจะได้เรียนรู้รสชาติของความยากจน พยายามมองทุกสิ่งในโลกนี้ว่าเป็นเรื่องปกติเสียก็สิ้นเรื่อง

11.หัวเราะบ่อยๆ

เป็นจริงอย่างที่ว่าการหัวเราะคือยาวิเศษ เพราะช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้จิตใจสดชื่นขึ้น ลองคุยเรื่องขำขัน ดูตลก หาการ์ตูนขำขันมาอ่านบ้าง ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้หัวเราะ การหัวเราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า ช่วยให้แก่ช้า สดใส หลายๆคนเข้าใจผิด มักคิดว่าการหัวเราะทำให้เกิดรอยย่นตรงนั้นตรงนี้บนใบหน้า ยิ้มกว้างก็กลัวย่น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ทุกวันนี้คนหัวเราะง่ายจะลดลงเรื่อยๆเพราะสภาพแวดล้อมไม่ดีมีมากขึ้น

12.ฝึกนั่งสมาธิ

เชื่อหรือไม่ว่าการนั่งสมาธิมีประโยชน์มากต่อสุขภาพจิต การนั่งสมาธิคือการฝึกจิตวิธีหนึ่ง หมายถึงการนั่งทำใจให้ว่างเปล่า เพื่อเป็นการช่วยเสริมสุขภาพจิตและผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ การนั่งสมาธิไม่ได้จำกัดเฉพาะในกลุ่มพุทธศาสนิกชนเท่านั้น เพราะไม่ใช่พิธีกรรมทางศาสนา แต่เป็นวิธีปฏิบัติตามปกติที่สามารถช่วยทำให้จิตใจสงบนิ่ง จึงสามารถทำได้ทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม วันหนึ่งควรนั่งสมาธิประมาณ 10-30 นาที

8 สัญญาณเสี่ยงสุขภาพจิตมีปัญหา หลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์รุนแรง

8 สัญญาณเสี่ยงสุขภาพจิตมีปัญหา

          ปัญหาสุขภาพจิต อาจเกิดขึ้นได้กับคนที่เพิ่งประสบเหตุการณ์รุนแรงในชีวิต แต่จำเป็นต้องไปพบจิตแพทย์หรือไม่ ลองสังเกตอาการและสัญญาณเตือนเหล่านี้

          ไม่มีใครเลี่ยงการเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ ซึ่งหากใครประสบพบเจอกับเรื่องร้าย ๆ หรือเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างกะทันหัน ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่สภาพจิตใจของเราจะรู้สึกย่ำแย่ บางคนอาจมีอาการโกรธ หงุดหงิด วิตกกังวล เศร้า ร้องไห้ อาจมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมหรือเฉื่อยชาลงมากกว่าเดิม ครุ่นคิด คิดซ้ำ ๆ ถึงภาพและเหตุการณ์ความรุนแรงที่ได้พบ สับสน ไม่มีสมาธิ เงียบขึ้น หรือแยกตัว นอน  ไม่หลับ ฝันร้าย ฯลฯ 

          สารพัดอาการเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตก เพราะกรมสุขภาพจิตยืนยันว่า ถือเป็นปฏิกิริยา "ปกติ" ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ "ไม่ปกติ" และอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป บางคนอาจมีอาการเหล่านี้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนได้ แต่ไม่ควรเกิน 1 เดือน 

8 สัญญาณเสี่ยงสุขภาพจิตมีปัญหา

          ที่สำคัญ ต้องเข้าใจว่าผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ใช่ผู้เจ็บป่วยทางจิต และไม่ใช่ผู้อ่อนแอแต่อย่างใด อาการที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแสดงออกทางจิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเท่านั้น ทั้งนี้ หากได้รับการช่วยเหลือและดูแลทางด้านจิตใจอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ 

          อย่างไรก็ตาม มีเพียงประมาณ ร้อยละ 5-10 ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลและบำบัดรักษาจากจิตแพทย์หรือทีมสุขภาพจิต ซึ่ง นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะนำให้สังเกต 8 สัญญาณเตือน ที่บ่งชี้ว่าบุคคลต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือบุคลากรสุขภาพจิต ได้แก่ 

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 1. มีความสับสนรุนแรง รู้สึกราวกับว่าโลกนี้ไม่มีอยู่จริง เหมือนกำลังฝันไป ล่องลอย 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 2. รู้สึกถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ หยุดไม่ได้ จำแต่ภาพโหดร้ายได้ติดตา ฝันร้าย ย้ำคิดแต่เรื่องเดิม ๆ  
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 3. หลีกหนีสังคม กลัวที่กว้าง ไม่กล้าเข้าสังคม 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 4. ตื่นกลัวเกินเหตุ ฝันร้ายน่ากลัว ควบคุมตนเองให้มีสมาธิไม่ได้ กลัวว่าจะตาย 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 5. วิตกกังวลมากเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ หวาดกลัวรุนแรง มีความคิดฝังใจ ประสาทมึนชา 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 6. ซึมเศร้าอย่างรุนแรง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ท้อแท้ ตำหนิตัวเอง หมดความสนใจในสิ่งที่ชอบ อยากตาย 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 7. ติดสุราและสารเสพติด 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 8. มีอาการทางจิต หลงผิด ประสาทหลอน ฯลฯ

8 สัญญาณเสี่ยงสุขภาพจิตมีปัญหา

 สำหรับการดูแลจิตใจตนเองและคนรอบข้างเมื่อประสบเหตุรุนแรง ทำได้ดังนี้

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 1. พักผ่อนให้เพียงพอ 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 2. ไม่ใช้สุรา ยาเสพติด 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 3. พยายามหากิจกรรมทำให้เกิดความเพลิดเพลิน 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 4. พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติ 
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 5. ปรึกษา พูดคุยเรื่องไม่สบายใจ หรือขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด หรือจากคนที่ไว้ใจ
          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 6. เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชมหรือสังคม เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมทางศาสนา ฯลฯ 

          ทั้งนี้ยังสามารถขอรับคำปรึกษา ได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Kapook
กรมสุขภาพจิต 

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Bluehost Coupons