วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สุขภาพจิต : ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ก็อาจเครียดง่าย หาหมอได้เหมือนกัน

สุขภาพจิต : ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ก็อาจเครียดง่าย หาหมอได้เหมือนกัน

ความเครียดจากการทำงาน
 
          ความเครียดจากการทำงาน ที่คนวัยทำงานทุกคนล้วนต้องเจอ แล้วเราจะจัดการความเครียดจากงานได้ยังไงกันล่ะ
 
          การทำงานเปิดโอกาสให้เราได้พบเจอกับความเครียดและความกดดัน จากทั้งงานที่ทำ หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน รวมไปถึงปัจจัยเสริมต่าง ๆ ที่อาจพาให้เครียดได้ ซึ่งแม้เราจะเป็นพนักงานประจำ ไม่ใช่คนทำงานฟรีแลนซ์ที่ต้องวิ่งเข้าหางานอย่างที่เคยเห็นกัน แต่เมื่อเข้ามาสู่โหมดการทำงานแล้ว ความเครียดย่อมหาช่องเกิดกับเราได้ 

          ในวันนี้ทาง สสส. จึงขอเสนอแนะความเครียดในวัยทำงาน พร้อมทั้งวิธีคลายเครียดให้ไปปรับใช้ในชีวิตการทำงานค่ะ 

          "ความเครียดของคนทำงานเกิดจากความกดดันตนเอง ความคาดหวังขององค์กร รวมถึงการรับรู้ข้อมูลเปรียบเทียบความสำเร็จของคนอื่นจากสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้สึกพอใจในความสำเร็จของตนเองลดน้อยลง" นายแพทย์ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุติ กรมสุขภาพจิต และผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย สสส. ได้กล่าวถึงคนทำงานรุ่นใหม่ ที่อยู่ในยุคท่ามกลางสื่อดิจิตอล ที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบภายใต้สังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

ความเครียดจากการทำงาน

          "ความเครียด" ของคนวัยทำงาน จึงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ส่งผลถึงสุขภาพกายและใจ นายแพทย์ประเวช ได้อธิบายว่า ความเครียด มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 1. ความเครียดระยะสั้น จะช่วยกระตุ้นให้เราตื่นตัว ช่วยให้ร่างกายเร่งการทำงาน จิตใจจดจ่อ เพื่อเตรียมพร้อมในการต่อสู้กับปัญหาหรือภัยอันตราย

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 2. ความเครียดที่ต่อเนื่องยาวนาน แฝงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต จะส่งผลเสียรุนแรงต่อสภาพร่างกายและจิตใจ กระทบต่อร่างกายทั้งทางระบบฮอร์โมน ระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบภูมิคุ้มกัน

          โดยความเครียดจะส่งผลให้กล้ามเนื้อหดเกร็งตัว หัวใจเต้นเร็วและแรง เส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจตีบเล็กลง ส่งผลต่อเนื่องให้ความดันเลือดสูงขึ้น ปริมาณน้ำเลือดเพิ่มมากขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จึงทำให้เลือดข้นขึ้น และแข็งตัวเร็วกว่าปกติ 

          ไม่เพียงเท่านี้ ลำไส้ส่วนต่าง ๆ และระบบภูมิคุ้มกันก็จะทำงานได้น้อยลง ส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ลดลงไปด้วย หากมากไปกว่านั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างโรคคาโรชิ หรือ Karochi Syndrome

ความเครียดจากการทำงาน

 มารู้จัก "โรคคาโรชิ"

          "โรคคาโรชิ หรือ Karochi Syndrome” ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษจะหมายถึง Death from Overwork หรือ การเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกิน ซึ่งนายแพทย์ประเวช ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ว่า "คาโรชิ" เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นพยายามฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นภาวะที่เกิดในคนทำงานที่เครียด และเหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป

          สาเหตุการเสียชีวิตส่วนมากเกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน หรือเส้นเลือดในสมองแตกจากความเครียด และภาวะโภชนาการ ยกตัวอย่างเช่น คนทำงานรายหนึ่งทำงานถึง 110 ชั่วโมง ภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งผู้บริหารหลายคนเสียชีวิตเฉียบพลัน โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรนำมาก่อน จนสื่อมวลชนญี่ปุ่นในขณะนั้นกำหนดชื่อนี้ขึ้น ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นการดูแลชั่วโมงการทำงานไม่ให้มากเกิน และดูแลสมดุลชีวิตและงานให้ดี

ลดเครียด เพิ่ม "สุข"

          นอกจากนี้ นายแพทย์ประเวช ยังได้บอกถึงวิธีการสร้างสุขหรือการจัดการความเครียดของคนทำงานอีกว่า ความสุขของคนทำงานนั้น สามารถเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 1. ความรู้สึกสำเร็จ

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 2. การมีความสัมพันธ์ที่ดีในงาน

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 3. ความรู้สึกมีความหมายในงานที่ทำ

          ทั้งนี้ การสร้างสุขให้กับคนทำงานในทุกองค์กรนั้น เป็นหน้าที่ของทั้งผู้บริหารองค์กรและบุคลากร โดยองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความสุขของคนทำงาน จะจัดระบบงานให้เอื้อต่อการมีความสุข จัดบรรยากาศการทำงานให้คนทำงานเกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำงานร่วมกันเป็นทีม ปราศจากการเมืองภายในองค์กร รวมทั้งมีการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์

ความเครียดจากการทำงาน

          ซึ่งระบบงานที่เอื้อต่อการทำงานอย่างมีความสุข จะสนับสนุนให้คนทำงานได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ช่วยให้คนทำงานรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นงานที่ให้ความหมาย ตอบโจทย์ความต้องการของคนทำงาน ที่ไม่ใช่เพียงแหล่งรายได้ แต่มีระบบงาน และแนวทางการทำงานที่ชัดเจนโปร่งใส เปิดโอกาสให้คนทำงานทำผิดในกระบวนการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ได้ สร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจระหว่างคนทำงาน

          "คนทำงานที่มีความสุขจะพบว่างานของตัวเองไม่เพียงแต่สร้างรายได้และความมั่นคงของชีวิต แต่ยังมอบความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน และตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตในด้านอื่น ๆ อันได้แก่ การได้เข้าถึงและได้ใช้ศักยภาพของตนเอง มีความสำเร็จที่ภาคภูมิใจ และค้นพบความหมายในงานที่ทำ โดยลักษณะงานที่ทำมีความสอดคล้องกับสิ่งที่เขาให้คุณค่า เช่น ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคม" นายแพทย์ประเวช กล่าวทิ้งท้าย

          
หากเพียงเท่านี้เราก็สามารถมีความสุขกับการทำงาน และที่สำคัญมากที่สุด คือ การได้เห็นคุณค่าในตัวเอง เช่นเดียวกับแนวคิด “Happy work place” หรือ การสร้างสุขในองค์กรอย่างสมบูรณ์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

โดย เสาวลักษณ์ พิสิษฐ์ไพบูลย์
kapook

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Bluehost Coupons